ความหมายของผลิตภัณฑ์ (The Meaning of Product)
เนื่องจากผลิตภัณฑ์เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมของมนุษย์ ทั้งทางด้านของผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย และผู้บริโภค จึงได้มีผู้ให้ความหมายของคำว่า ผลิตภัณฑ์ ไว้หลายทรรศนะ ดังนี้Philip Kotler ได้ให้ความหมายของคำว่า ผลิตภัณฑ์ ไว้ดังนี้
ผลิตภัณฑ์ หมายถึง อะไรบางอย่างที่สามารถนำเสนอต่อตลาด เพื่อเรียกความสนใจ เรียกให้มีการซื้อ การใช้ หรือการบริโภค ซี่งอาจสร้างความพอใจให้แก่ความอยากได้หรือความต้องการของตลาด
Jerome E. McCarthy ได้ให้ความหมายของคำว่า ผลิตภัณฑ์ ไว้ดังนี้
ผลิตภัณฑ์ หมายถึง ข้อเสนอของบริษัทที่เสนอออกไป เพื่อสร้างความพอใจให้แก่ความต้องการ
พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๔๒ ได้จำกัดความหมายของคำว่า ผลิตภัณฑ์ไว้ดังนี้
ผลิดภัณฑ์ หมายถึง สิ่งที่ทำขึ้น
จากความหมายดังกล่าวข้างต้นสรุปได้ว่า
ผลิตภัณฑ์ (Product) หมายถึง สิ่งที่เสนอขายโดยธุรกิจ เพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ได้รับความพึงพอใจ ผลิตภัณฑ์ที่เสนอขายอาจมีตัวตนหรือไม่มีตัวตนก็ได้ ซึ่งประกอบด้วย สินค้า บริการ ความคิด สถานที่ องค์กร หรือบุคคล
องค์ประกอบของผลิตภัณฑ์ (Product Component)
เป็นการพิจารณาถึงคุณสมบัติและลักษณะที่เป็นส่วนต่างๆของผลิตภัณฑ์โดยทั่วไปผลิตภัณฑ์จะมีองค์ประกอบอยู่ 5 ส่วนด้วยกัน คือ1.ผลิตภัณฑ์หลัก (Core Product)
2.ส่วนที่บ่งชี้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ (Product Identification)
3.ส่วนเพิ่มของผลิตภัณฑ์ (Product Augmented)
4.ส่วนที่คาดหวังจากผลิตภัณฑ์ (Product Expected)
5.ศักยภาพของผลิตภัณฑ์ (Product Potential)
การแบ่งประเภทของผลิตภัณฑ์ (Product Classification)
ผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายอยู่ในตลาดมีอยู่มากมายหลายชนิด ดังนั้น อาจจะใช้หลักเกฑฑ์หรือมาตรฐานในการพิจารณาเพื่อจำแนกประเภทของผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกันไปได้หลายๆด้าน โดยทั่วไปผลิตภัณฑ์จะจำแนกออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆดังนี้1.ผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภค (Consumer Products)
2.ผลิตภัณฑ์เพื่อการอุตสาหกรรม (Industrial Products)
ส่วนประสมของผลิตภัณฑ์ (Product Mix)
ส่วนประสมของผลิตภัณฑ์ (Product Mix) หมายถึง จำนวนของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของกิจการที่มีอยู่เพื่อนำเสนอขายต่อผู้บริโภค ประกอบด้วย
1.สายผลิตภัณฑ์ (Product Line)
2.รายการผลิดภัณฑ์ (Product Item)
3.ความยาวของผลิตภัณฑ์ (Product Length)
4.ความสอดคล้องของผลิตภัณฑ์ (Product Line Consistency)
ส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ (Product Consist)
ส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ของสินค้าทุกชนิดจะมีลักษณะคล้ายคลึงกัน โดยสินค้าใช้ชิ้นหนึ่งๆนั้นต้องประกอบด้วยตราสินค้า ชื่อตราสินค้า เครื่องหมายการค้า โลโก้ คำขวัญ ป้ายฉลาก เป็นต้นกลยุทธ์ที่ควรใช้ คือ การสร้างความแตกต่างระหว่างสินค้าของตนเองกับคู่แข่ง การสร้างตราสินค้านั้นต้องจดจำง่าย ไม่ซับซ้อนจนเกินไป และมีความโดดเด่น เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตราสินค้าเพื่อให้ได้มาซึ่งความไว้วางใจจากผู้บริโภค เพื่อทำให้ตราสินค้าดูโดดเด่นอย่างชัดเจนและมั่นใจได้ถึงทุกกระบวนการทางการตลาด ตลอดจนกิจกรรมทางการตลาดนั้นจะเดินควบคู่ไปบนเส้นทางเดียวกัน ประกอบด้วย
1.ตราสินค้า (Brand)
2.ชื่อตราสินค้า (Brand Name)
3.เครื่องหมายตราสินค้า (Brand Mark)
4.เครี่องหมายการค้า (Trade Mark)
5.โลโก้ (Logo)
6.คำขวัญ (Slogan)
7.ลิขสิทธิ์ (Copyright)
8. ป้ายฉลาก (Label)
9.บาร์โค้ด (Barcode)
ประเภทของตราสินค้า (Types of Brand)
ตราสินค้าสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้1.ตราสินค้าของผู้ผลิต (Manufacturers Brand)
2.ตราสินค้าของผู้จัดจำหน่าย (Dealer Brand or Private Brand)
วงจรชิวิตผลิตภัณฑ์ (Product Life Cycle = PLC)
วงจรชีวิตผลิตภัณฑ์จะประกอบด้วยวงจร 4 ขั้นตอน คือ1.ขั้นแนะนำผลิตภัณฑ์ (Product Introduction)
2.ขั้นเจริญเติบโต (Growth)
3.ขั้นอิ่มตัว (Maturity)
4.ขั้นถดถอย (ตกต่ำ) (Sale Decline)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น